ในยุคที่ข้อมูลมีบทบาทสำคัญในทุกวงการ การเข้าใจและนำเสนอข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพกลายเป็นทักษะที่จำเป็นอย่างยิ่ง เมื่อคุณเข้าใจความสำคัญของข้อมูล แน่นอนว่าขั้นตอนต่อไปคือการค้นหาข้อมูลเชิงลึกหรือ insights จากข้อมูลของคุณ และสื่อสารสิ่งเหล่านั้นให้ผู้อื่นเข้าใจได้
ลองจินตนาการว่าวันนี้คุณต้องนำเสนอสรุปรายงานการขายของไตรมาสนี้ซึ่งมีข้อมูลมากกว่าหมื่นรายการ รวมถึงข้อมูลเชิงลึกบางอย่างที่อธิบายได้ยาก คุณจะนำเสนออย่างไรให้น่าสนใจและเข้าใจง่าย?
Data Visualization คือ คำตอบสำหรับความท้าทายนี้ การแสดงข้อมูลในรูปแบบภาพจะช่วยให้คุณสามารถนำเสนอข้อมูลและสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับ Data Visualization อย่างลึกซึ้ง และแนะนำ Tools สำหรับมือใหม่ให้ได้ลองใช้งานกัน
Data Visualization คืออะไร
Data Visualization คือศาสตร์และศิลป์ของการแปลงข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบภาพกราฟิก แผนภูมิ หรือแผนที่ เพื่อสื่อสารข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ โดยอาศัยหลักการทางศิลปะและการออกแบบ การ Visualization ที่ดีไม่เพียงแค่สวยงาม แต่ต้องสามารถสื่อสารข้อมูลได้อย่างถูกต้อง ชัดเจน และเข้าใจง่าย
ความสำคัญของ Data Visualization
- ทำให้ข้อมูลเข้าใจง่าย: เปลี่ยนข้อมูลที่ซับซ้อนให้เป็นภาพที่เข้าใจได้ในทันที
- ค้นพบ Insights ใหม่: ช่วยให้เห็นแพทเทิร์นหรือความสัมพันธ์ที่อาจมองข้ามเมื่อดูจากตัวเลขล้วนๆ
- เพิ่มประสิทธิภาพการสื่อสาร: ทำให้ผู้ฟังเข้าใจข้อมูลได้เร็วขึ้นและจดจำได้ดีกว่า
- สนับสนุนการตัดสินใจ: ช่วยให้ตัดสินใจได้รวดเร็วและแม่นยำมากขึ้นบนพื้นฐานของข้อมูล
- สร้างความน่าสนใจ: ดึงดูดความสนใจของผู้ชมได้ดีกว่าการนำเสนอด้วยตัวเลขหรือข้อความเพียงอย่างเดียว
ประเภทของ Data Visualization
Data Visualization มีหลากหลายรูปแบบ ซึ่งแต่ละแบบเหมาะกับการสื่อสารและลักษณะข้อมูลที่แตกต่างกัน การเลือกใช้รูปแบบที่เหมาะสมจะช่วยให้การสื่อสารข้อมูลมีประสิทธิภาพสูงสุด ต่อไปนี้เป็นประเภทของ Data Visualization พื้นฐานที่ใช้กันทั่วไป
แผนภูมิ (Chart)
แผนภูมิใช้เส้น แท่ง จุด หรือวงกลมเพื่ออธิบายความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูล มักใช้เปรียบเทียบค่าต่างๆ แสดงการเปลี่ยนแปลงของข้อมูลตามเวลา หรือแสดงสัดส่วนของข้อมูล เช่น แผนภูมิแท่ง (Bar Chart) แผนภูมิเส้น (Line Chart) แผนภูมิวงกลม (Pie Chart)
- แผนภูมิแท่ง (Bar Chart): เหมาะสำหรับเปรียบเทียบค่าระหว่างหมวดหมู่
- แผนภูมิเส้น (Line Chart): แสดงการเปลี่ยนแปลงของข้อมูลตามเวลา
- แผนภูมิวงกลม (Pie Chart): แสดงสัดส่วนของข้อมูลในภาพรวม
- แผนภูมิพื้นที่ (Area Chart): แสดงปริมาณและการเปลี่ยนแปลงตามเวลา
กราฟ (Graph)
กราฟใช้จุดและเส้นเพื่อแสดงความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรสองตัวหรือมากกว่า เหมาะสำหรับวิเคราะห์เปรียบเทียบความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร ดูการกระจายตัวของข้อมูล หรือแสดงโครงสร้างเครือข่าย เช่น Scatter Plot, Network Graph
- Scatter Plot: แสดงความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรสองตัว
- Network Graph: แสดงความเชื่อมโยงระหว่างจุดข้อมูล
- Bubble Chart: เพิ่มมิติข้อมูลด้วยขนาดของจุด
แผนที่ (Map)
แผนที่ใช้แสดงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ เช่น การกระจายตัวของประชากร หรือข้อมูลเชิงพื้นที่อื่นๆ ตัวอย่างเช่น Heat Map ที่แสดงความหนาแน่นของข้อมูลด้วยความเข้มสี หรือ Dot Map ที่แสดงความหนาแน่นด้วยจุด
ตาราง (Table)
ตารางเป็นการจัดเรียงข้อมูลเป็นแถวและคอลัมน์ เหมาะสำหรับเปรียบเทียบข้อมูลที่มีโครงสร้างชัดเจน ต้องการความละเอียดสูง ซึ่งเป็น Data Visualization แบบพื้นฐานที่สุดซึ่งสามารถทำได้ง่ายๆ ด้วย Microsoft Excel นั่นเอง
Infographic
Infographic ผสมผสานกราฟิกและข้อความเพื่อสื่อสารข้อมูลและดึงดูดความสนใจของผู้ชม มักมีการใช้แผนภูมิ กราฟ หรือตารางประกอบด้วย พบได้บ่อยในโซเชียลมีเดียที่ต้องการดึงดูดความสนใจให้คนกดเข้ามาอ่าน พร้อมกับสื่อสารข้อมูลได้อย่างครบถ้วน
Tools ฟรีสำหรับมือใหม่!
สำหรับมือใหม่ที่อยากลองทำ Data Visualization เรารวบรวม Tools ฟรีมาให้ลองใช้กัน มีอะไรบ้างมาดูกัน
1. Looker Studio (Google Data Studio)
Tools ฟรีจาก Google ที่ใช้งานได้ง่ายเพียงมีบัญชี Gmail คุณก็สามารถสร้าง Data Visualization และ Dashboard ที่อัปเดตข้อมูลแบบ Realtime ได้ สามารถเชื่อมต่อแหล่งข้อมูลได้หลากหลายผ่าน Google Product อื่นๆ เช่น Google Search Console, Google Analytics, YouTube แม้จะใช้งานง่ายไม่ซับซ้อน แต่อาจยังไม่ตอบโจทย์ด้านการวิเคราะห์ข้อมูลมากนัก เนื่องจากจุดประสงค์หลักคือการเก็บข้อมูลและแสดงผล
เวอร์ชันฟรีของ Tableau ที่มีเครื่องมือเหมือน Full Version แต่มีข้อจำกัดบางอย่าง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฝึกใช้งานหรือมือใหม่ ข้อจำกัดหลักๆ คือต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตตลอดเวลา ต้องบันทึกไฟล์บนระบบ Cloud ของ Tableau และไฟล์จะถูกเผยแพร่เป็นสาธารณะโดยค่าเริ่มต้น (แต่สามารถปิดได้)
3. Power BI
เครื่องมือยอดนิยมจาก Microsoft ที่ใช้งานได้ฟรี แต่ต้องใช้ระบบปฏิบัติการ Windows เท่านั้น (MacOS ใช้ไม่ได้) สามารถดาวน์โหลดได้โดยไม่ต้องมีบัญชี Office 365 ใช้งานได้เหมือนเวอร์ชันเต็ม แต่ไม่สามารถแชร์รายงานได้ค่ะ
แพลตฟอร์มที่เหมาะสำหรับการสร้าง Infographic โดยเฉพาะ ซึ่งนอกจากฟรีแล้วยังมี Template ให้เลือกใช้มากมาย เหมาะกับมือใหม่ที่ไม่มีพื้นฐานด้านกราฟิก สามารถสร้าง Infographic แบบง่ายๆ หรือภาพประกอบสำหรับโพสต์ในโซเชียลมีเดียได้
เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสร้าง Visualization ที่มีลูกเล่น มีอนิเมชัน หรือสามารถ interactive ได้ มีเวอร์ชันฟรีให้สร้างโปรเจคได้ไม่จำกัด สร้าง Visualization แบบ Interactive ได้ง่าย และมี Template ให้เลือกหลากหลาย แต่อาจใช้งานได้ไม่ครบทุกฟีเจอร์ซึ่งต้องจ่ายเงินเพื่ออัปเกรด
Data Visualization เป็นทักษะที่สำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ ในยุคที่ข้อมูลมีบทบาทสำคัญในทุกวงการ การสามารถนำเสนอข้อมูลที่ซับซ้อนให้เข้าใจง่ายไม่เพียงแต่ช่วยในการสื่อสาร แต่ยังช่วยในการตัดสินใจและสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน
สำหรับมือใหม่ การฝึกฝนโดยใช้เครื่องมือฟรีที่แนะนำไว้เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เริ่มจากการทำความเข้าใจข้อมูล เลือกรูปแบบการนำเสนอที่เหมาะสม และฝึกฝนการออกแบบที่สื่อสารข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ การเริ่มต้นเรียนรู้และฝึกฝนทักษะ Data Visualization ตั้งแต่วันนี้จะช่วยให้คุณพร้อมรับมือกับความท้าทายในโลกที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลในอนาคต ไม่ว่าคุณจะอยู่ในสายงานใด ความสามารถในการสื่อสารข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพจะเป็นทักษะที่มีค่าของคุณ
สำหรับใครที่อยากได้เครื่องมือที่ช่วยคุณวิเคราะห์และสรุป Insights มาให้คุณอ่านได้ง่ายๆ เรามี DataMind จาก Hugeman แพลตฟอร์มที่จะช่วยคุณเก็บรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลด้วยเทคโนโลยี AI พร้อมนำเสนอด้วยภาษาและ Visualization ที่ทำให้คุณเข้าใจได้โดยง่าย
หากมีข้อสงสัยหรือต้องการคำปรึกษาเกี่ยวกับการใช้ AI เป็นผู้ช่วยในธุรกิจ ติดต่อเรา Hugeman ได้ที่ datamind@hugeman.co ยินดีให้คำแนะนำเสมอค่ะ